วันศุกร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2560

เศรษฐกิจพอเพียง "ฉบับมนุษย์เงินเดือน"

         
            ใครจะไปเชื่อว่า “ความพอเพียง” จะเป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขได้ การใช้ชีวิตได้ด้วยการพึ่งพาตัวเอง ไม่เบียดเบียนใครรู้จักใช้เท่าที่มี ไม่ใช้จ่ายเกินกำลัง หลายๆคนอาจจะคิดว่าไม่มีใครสามารถทำได้หรอกนะ แต่เราประชาชนชาวไทยคุ้นชินกับการได้เห็นและมีบุคคลตัวอย่างในเรื่องของความพอเพียงนั้นก็คือ

 “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ ๙)”


ที่มา: สำนักข่าวเจ้าพระยา (2555)

"เศรษฐกิจพอเพียง" เป็นแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานเป็นแนวคิดที่ตั้งอยู่บนรากฐานของวัฒนธรรมไทย เป็นแนวทางการพัฒนาที่ตั้งบนพื้นฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง ตลอดจนใช้ความรู้และคุณธรรม เป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต (มูลนิธิชัยพัฒนา, ม.ป.ป.)
เศรษฐกิจพอเพียง จึงเป็นปรัชญาที่ชี้ถึงแนวทางการดำรงชีวิต และปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับรัฐทั้งในการดำรงชีวิตประจำวัน การพัฒนาและบริหารประเทศ ให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวหน้าต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก


หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


ที่มา: tamroipor (2560)


ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ทางสายกลาง) ได้แก่

3 ห่วง 2 เงื่อนไข สมดุล 4 มิติ


3 ห่วง หมายถึง ความพอประมาณ, มีเหตุผล, มีภูมิคุ้มกัน

2 เงื่อนไข หมายถึง มีคุณธรรม(ซื่อสัตย์สุจริต อดทน เพียร มีสติ), นำความรู้
(รอบรู้ รอบครอบ ระมัดระวัง)
สมดุล 4 มิติ หมายถึง เศรษฐกิจ, สิ่งแวดล้อม, สังคม, วัฒนธรรม
      

            คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น สามารถนำไปใช้ หรือเหมาะกับเกษตกร ชาวไร่ ชาวสวน ตามชนบทเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หรือการมีวิถีชีวิตพอเพียงนั้น สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับคนในทุกอาชีพ ทุกวัย ทุกสังคมได้เช่นกัน

            ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตในสังคมเมือง วันนี้จึงมีแนวทางในการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียง "ฉบับมนุษย์เงินเดือน" มานำเสนอ!!

           
           ได้ชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนแล้ว ก็ทำให้เราเข้าใจว่าต้องทำงานเพื่อที่จะได้รับเงินเดือน เงินเดือนที่ได้รับนั้น ก็เป็นไปตามข้อตก]งระหว่างนายจ้าง ซึ่งก็มีจำนวนจำกัดตา,นั้น แต่ปัญหาที่มนุษย์เงินเดือนจะต้องพบเจอกันอยู่เสมอก็คือ เรื่องค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนมักมากกว่ารายรับ หรือเงินเดือนนั้นเองค่ะ ทำให้หลายคนเป็นอยู่อย่างขัดสน คุณภาพชีวิตต่ำลง หรืออาจมีปัญหาหนี้สินตามมารุมเร้าอีกมากมาย

7 ข้อผิดพลาดทางการเงินของมนุษย์เงินเดือน

ที่มา:  http://www.kapook.com

"จะเกิดอะไรขึ้นหากเราไม่รู้จักใช้ชีวิตแบบพอเพียง"

          
            หลายคนคงเคยประสบปัญหาเช่นนี้ หนึ่งปัญหาชีวิตในเมืองใหญ่ คงหนีไม่พ้นค่าครองชีพที่สูง ประกอบกับปัจจัยต่างๆ ทางสังคม ทำให้เหล่ามนุษย์เดือนต่างหมดเงินมากมายไปกับการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ทุกคนต่างมุ่งมั่นทำงานเพื่อหาความมั่นคงในชีวิต จนลืมไปว่าสิ่งที่หามาได้นั้นมั่นคงจริงหรือไม่??


1. ปัจจัย4 (เครื่องนุ่งห่ม, อาหาร, ที่อยู่อาศัย, ยารักษาโรค)
2. โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์, แล็บท็อป, อินเตอร์เน็ต
3. เงิน,บัตรเครดิต
4. รถยนต์
5. อื่นๆ อีกมากมาย
            ทุกวันนี้ เราใช้ชีวิตอยู่บนความไม่จำเป็นที่เราคิดว่าจำเป็นอยู่ที่จะอำนวยความสะดวก และสร้างความมั่นคงให้เราได้
            ดังนั้น เราจะขอแนะนำการใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามพระราชดำรัสของในหลวงกัน เริ่มจากการวิเคราะสิ่งที่เราเรียกว่าความจำเป็นกันก่อน
1. ความมั่นคงของอาหาร มั่นคงที่สุด จำเป็นที่สุด และสามารถผลิตกินเองได้ ง่ายๆ เลย เพียงแค่แบ่งพื้นที่บางส่วนปลูกผักสวนครัวที่ไม่ต้องดูแลมาก หรือหากไม่มีพื้นที่จริงๆ อาจปลูกไว้เล็กๆ ในกระถางก็สามารถทำได้ พืชผักสวนครัวที่จำเป็นต้องมีติดบ้านไว้ เช่น กระเพรา โหรพา มะเขือพวง มะกรูด พริก ต้นหอม สิ่งที่ได้นอกจากพืชผักที่เราสามารถนำมาปลุกอาหารได้แล้ว ยังทำให้ประหยัดเงิน สะดวกต้องการหาได้ทันที ปลอดยาฆ่าแมลง และยังสดอีกด้วย



2. ความมั่นคงของที่อยู่อาศัย มั่นคงที่สุด คือ มีบ้าน และที่ดินไม่ติดจำนองเป็นของตนเอง แต่ถ้ายังไม่มี การเป็นหนี้เพื่อซื้อบ้านเป็นสิ่งที่เราทำได้ ไม่สูญเปล่า ถ้าหากเรารู้จักประหยัดอดออม ซื้อบ้านสมฐานะ สมตัว ไม่ใหญ่ หรือแพงเกินความจำเป็น
3. ความมั่นคงของเครื่องนุ่งห่ม มั่นคงที่สุด คือ ทอผ้า ตัดเย็บเองเป็น เออออ... แต่ในฐานะมนุษย์เงินเดือน จริงๆ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้--😓😓 555 แค่เรารู้จัก หัดเย็บกระดุม สอย เนา ซ่อมแซมเสื้อผ้าเองเล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องไปจ้างช่าง ก็ลดรายจ่ายไปได้บ้าง มนุษย์เงินเดือนหลายๆ ท่านชอบแต่งกายที่ทันสมัยอยู่เสมอ เป็นหน้าเป็นตาทางสังคม จริงๆ แล้วแค่พอมีไว้บ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกายอยู่ตลอดเวลา แค่แต่งตามกาลเทศะ ความเหมาะสม แค่นี้ก็ถือเป็นการใช้ชีวิตแบบพอเพียงได้แล้ว
4. ความมั่นคงของยารักษาโรค มั่นคงสุด แต่การไม่มีโรค เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากที่สุดของมนุษย์ สิ่งที่เราสามารถทำได้คือ 
- ดูแลสุขภาพ --- ทำอาหารกินเอง ขยันออกกำลังกาย หากไม่มีเวลา แค่ทำงานบ้าน ขยับร่างกายอยู่ตลอด เพราะขยับเท่ากับออกกำลังแล้ว
- เจ็บป่วย --- ร่างกายมนุษย์เป็นรังของโรค สิ่่งที่เราสามารถทำได้ คือ ทำประกัน 55 ไม่ใช่ค่ะ เบื้องต้นคือการป้องกันไม่ให้เกิดโรค รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดีต่อสุขภาพ หมั่นพบหมอเพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำ ทำอารมณ์จิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ เท่านี้ก็สามารถห่างไกลโรคได้แล้ว
5. อื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ในปัจจุบัน มนุษย์เราถือว่าสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อป คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต รถยนต์ เงิน บัตรเครดิต ฯลฯ ถือเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต แต่บางคนมีสิ่งเหล่านี้ไว้ มิใช่เพื่ออำนวยความสะดวกเพียงอย่างเดียว แต่มีไว้เพื่อแสดงถึงฐานะ เพื่ออวดอ้างกัน ดังนั้น หากดำเนินตามวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งไม่ได้ห้ามให้มีปัจจัยในการดำรงชีวิตอย่างอื่นนอกเหนือจากปัจจัย4 แต่มีใช้ได้เพื่อความจำเป็นในการดำรงชีวิตในปัจุบัน เพื่ออำนวยความสะดวก แล้วยิ่งสำหรับมนุษย์เงินเดือนการมีสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานเลยด้วยซ้ำ ดังนั้น ใช้เท่าที่มี เท่าที่จำเป็น นะจ๊ะ^^

10 วิธีคุมค่าใช้จ่ายตามวิถีพอเพียง "ฉบับมนุษย์เงินเดือน"


1. ตั้งโหมดการออมอัตโนมัติ
            เราสามารถตั้งโหมดอัตโนมัติสำหรับการออมได้ และคุณก็ควรทำ มันช่วยแบ่งเบาภาระและช่วยประหยัดเวลาให้คุณได้อย่างมาก การออมผ่านทาง Internet Banking เป็นเรื่องง่ายๆเพียงแค่คุณตั้งให้มีการโอนเงินอัตโนมัติจากบัญชีเงินเดือนของคุณไปยังบัญชีเพื่อการออม เพียงเท่านี้คุณก็มีเงินออมทุกเดือนแบบสบายๆ
2. วางแผนการกิน

ที่มา: Pia Pantiwa (2558)

13เมนูกับช้าวสิ้นเดือน อร่อย มีคุณค่า ราคาถูกก็อิ่มได้
            หลายคนคิดไม่ถึงว่า 1 ในเคล็ดลับการออมเงินแบบง่ายๆคือ ‘แผนการกิน’ การวางแผนการกินช่วยประหยัดเงินให้กับคุณอย่างมาก แผนการกินช่วยลดการกินอาหารแบบฟุ่มเฟือยออกไป ลดอาหารประเภทฟาสฟู้ด ทานอาหารตามห้าง หรือร้านอาหารหรูๆ มาเป็นทำอาหารทานเอง เน้นที่ดีต่อสุขภาพ บางคนอาจห่อข้าวไปทานที่ทำงาน แทนการต้องออกไปหาอาหารทานข้างนอกทุกมื้อ แผนนี้นอกจากช่วยประหยัดแล้วยังช่วยสาวๆที่กำลังคิดแผนไดเอทอีกด้วย เรียกว่าทั้งประหยัดเงินแถมเรายังได้สุขภาพที่ดีขึ้นอีกด้วย😁😁
3. ตรวจสอบค่าใช้จ่าย
ที่มา: อภินิหารออมเงิน (2557)
            ทั้งแพ็คเกจโทรศัพท์, เคเบิล สำหรับคนที่ใช้สมาร์ทโฟน หรือคนที่ใช้โทรศัพท์แบบรายเดือน ลองคิดคำนวณดูว่าการใช้โทรศัพท์ของเรากับเงินที่ต้องจ่ายนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ และหากเปลี่ยนแพ็คเกจเป็นแบบที่ถูกลงได้ยังคุ้มค่าอยู่ไหม นอกจากแพ็คเกจโทรศัพท์แล้ว อย่าลืมดูแพ็คเกจเคเบิ้ลทีวีที่บ้านด้วย หากไม่ได้ใช้ประโยชน์นัก ควรยกเลิกไปเลยเพื่อลดค่าใช้จ่าย
4. การตั้งงบการเงินแบบไม่ตั้งงบการเงิน 
ที่มา: Thaiware (2558)
            หากคุณไม่ชอบการต้องจดบันทึกรายรับ – รายจ่าย นี่คือทางออกของคุณ ปัจจุบันมีแอพพลิเคชั่นมากมายที่สามารถเชื่อมต่อกับบัญชีและบันทึกการใช้จ่ายของคุณโดยตรง คุณสามารถตรวจสอบบัญชีของคุณได้ตลอดเวลา เพียงแค่คุณแบ่งประเภทรายจ่ายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แม้ว่าบางครั้งอาจจะต้องมีการเปลี่ยนประเภทของรายจ่ายบ้างแต่ก็สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับการทำธุรกรรมของคุณเองได้
5. ลดความถี่ในการช็อปปิ้งลง 
            ไม่ว่าจะไปเดินตลาดนัดที่มีแต่ของราคาถูก หรือเดินห้างสรรพสินค้า เพราะนั้นเท่ากับเป้นการเพิ่มโอกาสในการใช้จ่ายแบบไม่ได้วางแผนมาก่อน และมักทำให้เกิดความอยากได้อยากซื้อของที่ไม่จำเป็นเยอะขึ้น ดังนั้นเราต้องแก้ที่ต้นเหตุ เหมือนกับสโลแกนที่ว่า " ไม่เห็น ไม่ซื้อ" นั้นเองค่ะ
6. หลีกเลี่ยงการตามเทรนด์
ที่มา: MarketingOops (2015)
          โดยเฉพาะการดื่มกาแฟตามแฟชั่น หรือติดแบรนด์ บางคนติดนิสัยเช้ามาต้องดื่มกาแฟ 1 แก้ว บ่ายๆ แก้ง่วงด้วยกาแฟอีกสักแก้ว เดินถือแก้วการแฟแบรนด์ดังโชว์รสนิยม ไม่มีประโยชน์เลยสักนิดค่ะ เป็นการสิ้นเปลืองเงินโดยเปล่าประโยชน์จริงๆ สมมุติกาแฟแก้วละ ร้อยกว่าบาท วันนึงดื่ม 2 แก้ว ก็เป็นเงิน 2ร้อยกวาบาทแล้ว ยังไม่รวมถึงขนมขบเคี้ยว ผลไม้ และอาหารจุกจิกต่างๆ ที่ทานกันตอนวันในระหว่างการทำงานอีก ดังนั้น ลองหากาแฟบ้านๆ ราคาถูกแต่รสชาติดีมาดื่มดีกว่าค่ะ
7. ลดปาร์ตี้
            ทั้งปาร์ตี้ งานสังสรรค์ต่างๆ ศุกร์แฮงค์เอ้าท์ เสาร์ปาร์ตี้ อาทิตย์นี้ขอถอน บางคนใช้ชีวิตแบบนี้เป็นกิจวัตรทุกสัปดาห์ อันเป็นสาเหตุทำให้เงินในกระเป๋าหายไปอย่างไม่ทันตั้งตัว เพราะไม่ใช่แค่ค่ากิน-ค่าเที่ยวเท่านั้น ยังต้องสวมใส่เสื้อผ้าแฟชั่นตามกระแสต่างๆ ด้วย ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ต้องลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงด่วนเลยค่ะ😒
8. ใช้บริการรถสาธารณะ

            ลองใช้บริการรถสาธารณะให้มากกว่ารถยนต์ส่วนตัว พยายามหาบริการรถโดยสารสาธารณะที่สอดคล้องกับเส้นทางการเดินทางของตัวคุณ แต่หากอยู่นอกเมืองที่การเดินทางค่อนข้างต้องพึ่งตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ลองเลือกใช้รถยนต์ขนาดเล็กแบบอีโคคาร์ รถจักรยาน หรือรถจักรยานยนต์ที่ประหยัดค่าน้ำมันดู คุณจะเห็นจะทำให้คุณมีเงินในกระเป๋าเหลือขึ้นอีกเยอะ
9. วางแผนปลดหนี้
ที่มา: masii (2560) 
            ถ้าคุณอยากปลดหนี้ก็ต้องมีแผนที่ชัดเจน วิธีการชำระหนี้นั้นมีหลากหลายวิธี แต่วิธีที่พบเห็นทั่วไปคือ เทคนิคก้อนหิมะและเทคนิคหิมะถล่ม แล้ว 2 วิธีนี้ต่างกันยังไง? เทคนิคก้อนหิมะนั้นเหมาะกับผู้มีรายได้น้อยและมีจำนวนเจ้าหนี้มาก วิธีการคือการเขียนรายชื่อเจ้าหนี้และจำนวนเงินที่เป็นหนี้ทั้งหมด จากนั้นก็เริ่มชำระจากหนี้ที่ก้อนเล็กที่สุดก่อนและไล่ชำระไปจนถึงหนี้ก้อนที่ใหญ่ที่สุด ส่วนเทคนิคหิมะถล่มนั้นเป็นวิธีที่เน้นการหยุดดอกเบี้ยไม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม โดยเริ่มจากการเขียนรายชื่อเจ้าหนี้และจำนวนเงินที่เป็นหนี้ทั้งหมดเช่นกัน แต่จะเริ่มชำระเงินจากหนี้ก้อนที่ใหญ่ที่สุดแล้วไล่ลงมาเรื่อยๆจนถึงหนี้ก้อนที่เล็กที่สุดแทน ทุกคนสามารถเลือกเทคนิคให้เข้ากับตนเองเพื่อที่จะสามารถปลดหนี้ได้โดยไม่ลำบากจนเกินไป และเราเองก็ต้องวางแผนออมเงินขณะปลดหนี้เพื่อสร้างความมั่งคั่งในอนาคตด้วย
10. หาอาชีพเสริม
ที่มา: K@pook (2558)
            ถ้าคุณรู้สึกว่าการเก็บออมเงินอย่างเดียวไม่พอสำหรับเป้าหมายทางการเงินของคุณ อาชีพเสริมก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ไม่จำเป็นต้องเป็นงานที่ต้องใช้เวลานานแต่ทำชั่วคราวเพื่อหารายได้เสริมให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น แล้วยิ่งหากคุณมีหนี้การหาอาชีพเสริมเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการปลดหนี้ หรือหากคุณอยากลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ อาชีพเสริมก็เป็นทางเลือกที่ทำให้คุณสร้างเงินลงทุนได้เร็วขึ้น งานบริการเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากเพราะงานบริการจะมีค่าทิปส์ที่สามารถทำเงินได้มากกว่างานปกติของคุณ
            เห็นไหมว่าเรื่องง่ายเพียงเท่านี้ ก็สามารถทำให้ชีวิตมนุษย์เงินเดือนมีควาสุข และมั่นคงได้ 
            ความสุขในวิถีชีวิตแบบพอเพียงตามคำสอนของ..พ่อ ไม่ใช่แค่การทำอาชีพทำนาทำการเกษตรเลี้ยงตนเองเท่านั้น แต่ใจความสำคัญของวิถีชีวิตพอเพียงคือ การประเมินตน มีเหตุผล ไม่ประมาท ดำรงตนอยู่ในความพอดี มีชีวิตที่สมดุลและพึ่งตนเอง ตามหลัก “เศรษฐกิจพอเพียง” พระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานมานานกว่า 30 ปี ซึ่งเป็นแนวคิดที่ตั้งอยู่บนรากฐานของวัฒนธรรมไทย และวิถีชีวิตไทยที่ตั้งอยู่บนทางสายกลางและความประมาณตน มีสติ ปัญญา และความเพียร ซึ่งเป็นที่ตั้งที่นำความสุขในชีวิตที่แท้จริงเลยทีเดียว.
“...คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทยเชย ว่าเมืองไทยไม่มีสิ่งที่สมัยใหม่ แต่เราอยู่พอมีพอกิน และขอให้ทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทย พออยู่พอกิน มีความสงบ และทำงานตั้งจิตอธิษฐานตั้งปณิธาน ในทางนี้ที่จะให้เมืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่ว่ามีความพออยู่พอกิน มีความสงบ เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนี้ได้ เราก็จะยอดยิ่งยวดได้...” พระบรมราโชวาท ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2517 (มูลนิธิชัยพัฒนา, ม.ป.ป.)
            
            อย่างไรก็ตาม ความสุขของมนุษย์เรา ไม่ใช่เพียงแต่อยู่กับการทำงาน หาเงิน สร้างความมั่นคง เลี้ยงดูครอบครัว หรือการประสบความสำเร็จในชีวิต และหน้าที่การงานเพียงเท่านั้น จงอย่าลืมว่าเงินที่มีอยู่ หรือที่หามาได้นั้น ไม่สามารถซื้อเวลา หรือคนที่รักกลีบคืนมาได้ เงินทอง ของนอกกายไม่ได้สร้างความสุขที่แท้จริงให้กับชีวิตคนเราได้ตลอด เพียงแต่บรรเทาความต้องการ สร้างความสะดวกสบายเพียงชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้น อย่าลืมเวลาที่ดูแลเอาใจใส่คนที่เรารัก และรักเราด้วยนะคะ ด้วยความปรารถนาดีจากก... New Blogger 💓💓



Written By.. Niramol Narong (21/4/2017) 💕
ขอบคุณพระคุณสำหรับการติดตาม พร้อมน้อมรับคำติ-ชมนะคะ
บล็อคนั้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา GE133 การพัฒนาคุณภาพชีวิตแบบองค์รวม
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
(น.ส. นิรมล ณรงค์ 594801010005 กลุ่มเรียน 010)

12 ความคิดเห็น:

  1. เป็นบทความที่ดีมากค่ะ

    ตอบลบ
  2. คำตอบ
    1. ขอบคุนมากคร่าา^^ นำไปใช้ด้วยนะคะ

      ลบ
    2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

      ลบ
  3. เป็นบทความที่มีประโยชน์จริงๆครับ โดยเฉพาะบทความนี้
    "แต่วิธีที่พบเห็นทั่วไปคือ เทคนิคก้อนหิมะและเทคนิคหิมะถล่ม แล้ว 2 วิธีนี้ต่างกันยังไง? เทคนิคก้อนหิมะนั้นเหมาะกับผู้มีรายได้น้อยและมีจำนวนเจ้าหนี้มาก วิธีการคือการเขียนรายชื่อเจ้าหนี้และจำนวนเงินที่เป็นหนี้ทั้งหมด จากนั้นก็เริ่มชำระจากหนี้ที่ก้อนเล็กที่สุดก่อนและไล่ชำระไปจนถึงหนี้ก้อนที่ใหญ่ที่สุด ส่วนเทคนิคหิมะถล่มนั้นเป็นวิธีที่เน้นการหยุดดอกเบี้ยไม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม โดยเริ่มจากการเขียนรายชื่อเจ้าหนี้และจำนวนเงินที่เป็นหนี้ทั้งหมดเช่นกัน แต่จะเริ่มชำระเงินจากหนี้ก้อนที่ใหญ่ที่สุดแล้วไล่ลงมาเรื่อยๆจนถึงหนี้ก้อนที่เล็กที่สุดแทน"
    ขอบคุณที่สร้างบทความดีๆผ่านบล็อค นะครับ^^

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณมากนะคะ ดีใจที่มีประโยชน์ค่ะ😊😊

      ลบ
    2. ขอบคุณมากนะคะ ดีใจที่มีประโยชน์ค่ะ😊😊

      ลบ
  4. เราจะก้าวตามรอยพ่อ จะนำคำสอนของพ่อ ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง

    ตอบลบ
  5. Great articles, perspicuous description and nice illustration. These are useful and should propagate to other people to read and learn from each topics. You have done well and deserve for a compliment, Ms.Niramol. :)

    ตอบลบ

เศรษฐกิจพอเพียง "ฉบับมนุษย์เงินเดือน"

                       ใครจะไปเชื่อว่า “ความพอเพียง” จะเป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขได้ การใช้ชีวิตได้ด้วยกา...